วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

แตงโม....มีประโยชน์อบ่างไร




แตงโม  สรรพคุณและประโยชน์ของแตงโม

แตงโม

ทุกช่วงหน้าร้อนแตงโมสีสวยไม่ว่าเหลืองหรือแดงล้วนหวานเย็นฉ่ำหากได้กลืนลงไปสักคำคงชื่นใจ การเลือกซื้อแตงโมให้เลือกลูกที่ดูเปลือกบางไม่มีตำหนิ ผลเต่งตึง เลือกลูกที่มีลายเส้นที่เป็นริ้วตามยาวบนผิวอยู่ห่างกัน ถ้าลายเส้นสีขาวนี้อยู่ชิดกันมักจะเป็นแตงโมอ่อน เลือกยกดูที่น้ำหนักๆ เเล้วใช้มือเคาะตรงส่วนกลางของลูกแตงโม ถ้าเสียงโปร่งจะเป็นแตงโมที่ไส้ล้ม แต่ถ้าเสียงดังแปะๆ แสดงว่าเนื้อแน่นดีเป็นอันว่าใช้ได้ ทานเนื้อหวานหมดแล้วเปลือกที่เหลือนำไปปอกส่วนนอกที่แข็งออกสามารถนำไปแกงส้มต่อได้อีกหรือจะนำไปดองเป็นผักดองก็อร่อยเมล็ดที่คายออกมานำไปคั่วให้สุกเหยาะเกลือลงไปเล็กน้อยเกบไว้เคี้ยวเล่นเพลินๆ แถมได้โปรตีนสูงอีกด้วย

ลักษณะทั่วไป 
แตงโมเป็นไม้เถาเลื้อยประเภทเดียวกับแตงต่าง ๆ อยู่ในวงศ์ CUCURBITACAE ใบเดี่ยวออกตามข้อเถา โคนใบกว้างปลายใบแหลม ขอบใบเว้าลึก ตามใบมีลายสีขาวประทั่วดอกออกตรงส่วนยอดของเถาสีเหลือง ผลมีทั้งชนิดกลมและยาว ชนิดกลมจะมีเนื้อสีแดงส่วนชนิดยาวจะมีเนื้อสีเหลือง เมล็ดเมื่อแก่มีสีดำให้รับประทานได้

แตงโมขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด ปลูกได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี เหมาะที่จะปลูกในช่วงต้นหนาวหรือปริมาณเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เนื่องจากไม่ชอบฝนชุกจะทำให้เกิดโรคมากและผลเกิดการเน่าเสียง่ายหรือหากจำเป็นต้องปลูกในหน้าฝนควรปลูกบริเวณดินทรายปนดินเหนียวควรปลูกในหน้าแล้งและขุดดินให้ลึก ๆ มาก เมื่อเถาแตงยาวประมาณ 1-2 ฟุต ควรจัดวางให้เถาเลื้อยไปในทิศทางเดียวกัน  เพราะหากปล่อยไปตามธรรมชาติเถาจะซ้อนทับกันหนาแน่น ในต้นหนึ่งๆ ควรให้มีเถาอยู่ต้นละ 4 เถา แดงลูกแรกที่ออกมามักมีผลเล็กควรปลิดทิ้งหรือนำไปทำอาหาร แตงแต่ละเถาควรมีลูกแตงโมอยู่ เพียง 1 ลูก โดยเลือกผลที่มีก้านขั้วขนาดใหญ่รูปทรงสม่ำเสมอมีคุณภาพดี

“แตงโม”  ผลไม้ใช้เป็นยา 

ความโดดเด่นของแตงโมใน ฐานะของผลไม้ที่ใช้เป็นยาคงเป็นเรื่องช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ ปากเป็นแผล อาการเหล่านี้หากได้ทานเนื้อแตงโมหรือน้ำคนจากเนื้อวันละ 1-2 แก้วเป็นอันทุเลาลงทุกราย คงเป็นด้วยคุณสมบัติที่เป็นของเย็นลงไปช่วยดับร้อนนั่นเอง
นอกจากนี้แตงโมยังใช้แก้ปวดฟัน แก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ทานแล้วยังดับกลิ่นปากได้อีกด้วย

ผักบุ้งมีดี



สรรพคุณ / ประโยชน์ของผักบุ้ง


- ประโยชน์ของผักบุ้ง

รสและประโยชน์ต่อสุขภาพ :
 รสจืดเย็นช่วยขับพิษถอนพิษเบื่อเมาผักบุ้งขาว 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 22 กิโลแคลอรี่ประกอบด้วยเส้นใย 101 กรัม แคลเซียม 3 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 22 มิลลิกรัม เหล็ก 3 มิลลิกรัม วิตามินเอ 11447IU วิตามินบีหนึ่ง 0.06 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.17 มิลลิกรัม ไนอาซิน 1.3 มิลลิกรัม วิตามินซี 14 มิลลิกรัม

ประโยชน์ทางอาหาร : 
ผักบุ้งเป็นพืชออกยอดตลอดปีและมีมากในช่วงฤดูฝน การปรุงอาหารคนไทยทุกภาครับประทานผักบุ้งมีการปลูกและการจำหน่ายในท้องตลาดอย่างแพร่หลายในทุกฤดูกาล ผักบุ้งเป็นผักที่ปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิดนับตั้งแต่รับประทานยอดอ่อนเป็นผักสดหรืออาจนึ่ง ลวก และราดกะทิแกล้มกับน้ำพริกรับประทานเป็นผักสดกับส้มตำลบก้อยยำและนำยอดอ่อนและใบอ่อนไปปรุงเป็นอาหาร เช่น ผัดจืดใส่หมูปลาไก่ หรือผัดกับน้ำพริกและหมู นอกจากนี้ยังนำไปทำแกง เช่น แกงส้มแกงคั่ว เป็นต้น นอกจากนี้ผักบุ้งสามารถนำไปดองและนำไปปรุงเป็นข้าวผัดคลุกน้ำพริกผักบุ้งดองหรือนำไปเป็นผักแกล้มน้ำพริกเป็นต้น


- สรรพคุณของผักบุ้ง

สรรพคุณทางยา : ผักบุ้งรสเย็นสรรพคุณถอนพิษเบื่อเมา รากผักบุ้งรสจืดเฝื่อนสรรพคุณถอนพิษผิดสำแดง ผักบุ้งขาวหรือผักบุ้งจีนช่วยให้เจริญอาหาร เป็นยาถอนพิษ บำรุงธาตุ สรรพคุณของผักบุ้งโดยเฉพาะผักบุ้งแดงคนที่ชอบเป็นตาต้อ ตาแดง หรือคันนัยน์ตาบ่อย ๆ ตลอดจนมีอาการตาฟ่าฟาง จำพวกคนสายตาสั้นจะทำให้สายตาที่แจ่มใส บำรุงสายตา ทำให้ไม่เป็นโรคกระเพาะ ฯ

เสารส.


 “เสาวรส" บำรุงสายตาและลดไขมันในเลือด 
 
 


     คุณประโยชน์ของเสาวรสมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ แก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือดและโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งสามารถกินได้ทั้งผลสดที่เป็นเนื้อใน รก เปลือก เนื้อส่วนนอกและน้ำคั้น แนะรัฐส่งเสริมการปลูกเป็นผลไม้เศรษฐกิจ

     สำหรับประโยชน์ของเสาวรสเนื้อในหรือรกที่หุ้มเมล็ดของผลเสาวรสใช้รับประทานสดได้ โดยผ่าผลแล้วเติมน้ำตาลทรายเพียงเล็กน้อย รับประทานได้ทั้งเมล็ด หรือนำไปทำเป็นแยมผลไม้ก็ได้ เปลือก และเนื้อส่วนนอก สามารถนำไปหมักทำเป็นอาหารสัตว์และปุ๋ยหมักได้ รวมทั้งทำน้ำคั้น จากเนื้อซึ่งจะมีกลิ่นหอมและมีกรดมาก ใช้ผสมเป็นเครื่องดื่มหรือใช้ผสมกับน้ำผลไม้ ชนิดอื่น ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ โดยส่วนประกอบทางเคมีของน้ำเสาวรสประกอบด้วย น้ำร้อยละ ๗๖-๘๕ของแข็งที่ละลายได้ประมาณร้อยละ ๑๗.๔ คาร์โบไฮเดรตประมาณร้อยละ ๑๒.๔ กรดอินทรีย์ร้อยละ ๓.๔ และมีแคโรทีนอยด์ สารประกอบไนโตรเจน วิตามินเอ ซี และแร่ธาตุต่างๆ เอนไซม์ รวมทั้งนำไปใช้แต่งกลิ่นและรสชาติของไอศกรีม ขนมเค้ก เยลลี่ เชอร์เบท พาย ลูกกวาด และไวน์

     จากการที่เสาวรสมีวิตามินเอค่อนข้างสูงและสารแคโรทีนอยด์ จึงช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ จากการศึกษาพบว่า วิตามินซีของน้ำเสาวรสจะมีมากกว่าที่พบในมะนาว และพบสาร Albumin homologous protein จากเมล็ด สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ และยังมีสรรพคุณ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

คุณและโทษของกาแฟ

กาแฟสดมีประโยชน์อย่างไร?
                
บลูเมาท์เทนคอฟฟี่แฟรนไชส์กาแฟสดต้นทุนต่ำ ผู้ให้บริการเปิดร้านกาแฟสดต้นทุนต่ำแบบมืออาชีพ ฟรีค่าแฟรนไชส์และค่าธรรมเนียมต่างๆตลอดชีพ ฝึกอบรมต่างๆให้ฟรีๆ จำหน่าย กาแฟ กาแฟสด อุปกรณ์กาแฟ เครื่องชงกาแฟ เครื่องบดกาแฟ อุปกรณ์ร้านกาแฟครบวงจร
กาแฟ : มนุษย์เรารู้จัก กาแฟ มาเป็นระยะเวลายาวนาน จนถึงปัจจุบันยิ่งเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก กาแฟ จึงเป็นเครื่องดืมยอดนิยมได้ทุกเวลา และแพร่หลายไปทั่วโลก แต่จะมีอีกกี่คนที่ทราบถึงประโยชน์ของกาแฟ ซึ่งนอกจากให้รสหอมกรุ่นแล้ว หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม "คาเฟอีน" จากกาแฟมีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนี้ในกาแฟยังมีวิตามินอีกหลายชนิด แต่มีอยู่ในปริมาณที่ไม่มีเหมือนคาเฟอีน
ในกาแฟจะมีสารคาเฟอีน ซึ่งสารตัวนี้จะออกฤทธิ์กระตุ้นให้สมองตื่นตัว ร่างกายกระชุ่มกระชวย ซึ่งจะเร่งความเร็วของการประมวลผลข้อมูล ในสมองและย่นระยะเวลาในการตอบสนอง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานที่ต้องการสมาธิ การใช้เหตุผลและความจำ กาแฟช่วยกระตุ้นในทุกส่วนของร่างกาย
  คุณประโยชน์ของกาแฟ
• มีฤทธิ์ เป็นยาระบายและยาขับปัสสาวะอย่างอ่อน ๆ
• กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
• ทำให้ตื่นตัวและแก้ง่วงได้
การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะ ช่วยลดความหงุดหงิด อารมณ์ซึมเศร้าและความเครียดได้ ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกพึงพอใจและมีความสุข คลายเครียดได้ในระดับหนึ่ง
ด้านโภชนาการ การดื่มกาแฟยังช่วยให้ร่างกายได้รับของเหลวเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอต่อวัน กาแฟ จึงควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม
ในกาแฟยังมีแร่ธาตุไนแตซเซียมและไนอาซีน ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัยว่าคาเฟอีนในกาแฟช่วยกระตุ้นการใช้พลังงานของร่างกาย ทำให้ไขมันสลายตัวเพิ่มขึ้น จึงอาจดื่มกาแฟเป็นเครื่องดื่มในการลดน้ำหนักไปในตัว
คาเฟอีนและสารอื่นที่มีอยู่ในกาแฟช่วยกระตุ้นการหลั่งกรดและน้ำย่อย กาแฟจึงช่วยในการย่อยอาหารเป็นเหตุให้คนจำนวนมากดื่มกาแฟหลังอาหารแต่ละมื้อ
จากการวิจัยทางการแพทย์สหรัฐฯ โดยดร.จี เวปสเตอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทและคณะจากศูนย์การแพทย์นครฮอนโนลูลู สหรัฐฯ พบว่าผู้ชายที่ไม่ดื่มกาแฟมีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคพาคิสันมากกว่าพวกที่ดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 5 ถ้วย ถึง 5 เท่า ดังนั้น กาแฟจึงมีประโยชน์ต่อร่างกายพอสมควร
กาแฟและผลกระทบ : ผลกระทบของคาเฟอีนต่อเส้นเลือดมีประโยชน์ต่อวงการแพทย์ เพราะคาเฟอีนช่วยไปขยายหลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เส้นเลือดแดงบริเวณที่ศีรษะหดตัว ซึ่งช่วยลดอาการปวดหัวจากไมเกรนได้ จากการศึกษาของนายแพทย์ วินเซนต์ ทูบิโอโล แห่งศูนย์การแพทย์ยูซีแอลเออ-ฮาร์เบอร์ ได้ตั้งทฤษฎีใหม่ว่า การรับคาเฟอีนจำนวน 400 มิลลิกรัมต่อวัน อาจช่วยลดอาการแพ้เกสรดอกไม้ได้
จากรายงานการวิจัยในกลุ่มสตรีที่ดื่มกาแฟไม่เกิน 5 ถ้วยต่อวันพบว่า กาแฟไม่มีส่วนทำให้เป็นการเสี่ยงต่อการเป็นโรคของหัวใจมากขึ้น แม้ในรายที่มีปัญหาเส้นเลือดอุดตันหรือหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟทุกวัน วันละหกถ้วยขึ้นไปก็ไม่มีอัตราหัวใจสูงกว่าปกติ และจากการสำรวจหลายครั้ง
การวิจัยโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่าผู้ดื่มกาแฟมีอัตร่การเป็นมะเร็งเต้านมต่ำกว่าผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ ส่วนการศึกษาของมหาวิทยาลัยบอสตันพบว่า คนไข้ที่ดื่มกาแอย่างน้องห้าถ้วยต่อวัน มีความเสี่ยงเป้นมะเร็งลำไส้ต่ำกว่ากลุ่มอื่นถึงร้อยละ 40
กาแฟยังกลายเป็นข่าวดีสำหรับผู้ชายทั่วโลก เมื่อดร.ดาร์ซี โรแบร์โตลิมา ผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชวิทยาของมหาวิทยาลัยริโอ เดอจาเนโร ในบราซิล เปิดเผยว่า ผู้ที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศอันเนื่องมาจากการดื่มสุรา การเสพยา ภาวะซึมเศร้าและอายุขัย สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละวัน
กาแฟ
 เครื่องดื่มยอดนิยมของมนุษย์ตลอดกาล  การดื่มกาแฟสดในปริมาณที่พอเหมาะ ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้

    โทษที่ต้องระวังจากการดื่มกาแฟเป็นประจำ
• กาแฟต้มหรือที่ชงแบบให้น้ำเดือดซึมผ่านผงกาแฟ หรือกาแฟที่ใช้ถุงผ้าชงนั่นเองจะเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
• กาแฟต้มอาจทำให้ระดับคอลเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น
• อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะแบบไมเกรน
• ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟจัดอาจมีอัตราเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ

ประโยชน์ของนม



นมเป็นแหล่งสำคัญของแคลเซียมและโปรตีน ช่วยให้กระดูกเจริญเติบโตและแข็งแรง นมมีความสำคัญกับเด็กมากโดยเฉพาะเด็กในช่วงก่อนเข้าวัยรุ่นและช่วงวัยรุ่น เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายเจริญเติบโตเร็วมาก
แคลเซียมช่วยให้เด็กมีความหนาแน่นของมวลกระดูกมากขึ้น พอเข้าสู่วัยรุ่น จะช่วยให้กระดูกยาวขึ้น ถ้าในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาว ร่างกายเรามีการสะสมไว้เพียงพอ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน กระดูกเปราะแล้วยังช่วยในเรื่องของฟันอีกด้วย แต่ถ้าใครมีไม่เพียงพอ จะทำให้เสี่ยงต่อโรคกระดูกเปราะได้ง่าย
นมความจริง ประโยชน์ของแคลเซียมในน้ำนมไม่ได้มีแค่นั้น ยังทำหน้าที่ยืดหดของกล้ามเนื้อ ช่วยให้ระบบประสาทไวต่อสิ่งเร้ามากขึ้น ช่วยให้เลือดแข็งตัว
งานวิจัยระยะหลังออกมามากว่า แคลเซียมช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งขณะนี้ในหลายประเทศทั้งสหรัฐและยุโรป ศึกษาวิจัยกันมาก โดยใช้นมพร่องมันเนยให้กับเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในโปรแกรมลดน้ำหนัก โดยพบว่ากลุ่มเด็กที่ดื่มนมพร่องมันเนยสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ดื่มนม ทำให้เข้าใจว่าแคลเซียมมีผลต่อการใช้ไขมัน ซึ่งอยู่ในขั้นศึกษาอยู่ แต่พอสรุปได้ว่านมยังช่วยในเรื่องลดน้ำหนักอีกด้วย
ทั้งนี้ มีข้อมูลระบุว่า เด็กไทยตัวเตี้ยกว่ามาตรฐานสากลค่อนข้างเยอะ ถ้าอยากให้เด็กไทยเติบโตเต็มศักยภาพ พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้ลูกหลานดื่มนมอย่างเพียงพอ เพราะนมมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์กับเด็ก โดยเฉพาะนมจืด เพราะไม่เป็นปัญหาในเรื่องอ้วนและฟันผุ
จากภาพรวมในรายงานของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร ระบุด้วยว่าคนไทยดื่มนม 12.3 ลิตรต่อคนต่อปี เทียบแล้วตกวันละ 33 ม.ล.หรือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ถือว่าค่อนข้างน้อย
บางคนไม่ชอบดื่มนม เพราะดื่มแล้วไม่สบายท้อง ท้องเสีย จริงๆ แล้วคนอายุ 6 ขวบ ขึ้นไป น้ำย่อยที่จะย่อยน้ำตาลแลกโตสในนม ซึ่งอยู่ในทางเดินอาหารจะน้อยหรือแทบจะไม่มีแล้ว น้ำตาลจะถูกแบคทีเรียใช้ สร้างเป็นกรดขึ้นมา เกิดเป็นแก๊ส ทำให้ท้องเสีย ซึ่งเป็นปัญหาของคนที่ไม่ได้ดื่มนมต่อเนื่อง แต่คนที่ดื่มนมต่อเนื่องจะมีการปรับตัว ทำให้ไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการ
ดังนั้น คนที่ดื่มนมแล้วมีอาการ จะมีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนสูง จึงควรปรับมาดื่มนมหลังอาหารหรือดื่มปริมาณน้อยแต่ดื่มหลายๆ ครั้ง ให้ได้วันละ 1 แก้ว เพื่อไปชะลอไม่ให้กระดูกพรุนเร็วขึ้น

สตอเบอรี่


การปลูกสตอเบอรี่

การปลูกสตรอเบอรี่
ลักษณะทั่วไปเป็นไม้ผลขนาดเล็กให้ผลผลิตในหนึ่งฤดู ผลสุกมีรสเปรี้ยวหวาน กลิ่นหอม สีแดง เป็นที่นิยมของผู้บริโภค เป็นพืชอยู่ในวงศ์ Rosaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Fragaria ananassa เป็นไม้พุ่มที่สูงจากผิวดิน 6-8 นิ้ว ทรงพุ่มกว้าง 8-12 นิ้ว ระบบรากดีมาก แผ่กระจายประมาณ 12 นิ้ว ใบแยกเป็นใบย่อย 3 ใบ มีก้านใบยาว ขอบใบหยัก ลำต้นสั้นและหนา ดอกเป็นกลุ่ม มีกลีบรองดอกสีเขียว 5 กลีบ กลีบดอกสีขาว 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียกระจายอยู่เหนือฐานรองดอก ผลเจริญเติบจากฐานรองดอก มีผลขนาดเล็ดคล้ายเมล็ดจำนวนมากติดอยู่รอบเรียกว่า “เอคีน (Achene)”
พันธุ์สตรอเบอรี่การปลูกสตรอเบอรี่ในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือมีมานานพอสมควร แต่ สตรอเบอรี่ที่ปลูกพันธุ์ที่ให้ผลผลิตต่ำ ผลเล็ก สีซีด และช้ำง่ายในปัจจุบันมีพันธุ์ที่เหมาะสมและปลูกได้ผลดี ผลผลิตสูงผลใหญ่ เรียว เนื้อแน่น สีแดงจัด รสชาติดี ใบย่อย ใบกลางเรียวหยักปลายใบใหญ่ ต้นใหญ่ ให้ผลผลิตยาวนาน พันธุ์ดังกล่าวเรียกกันว่าพันธุ์ “ไทโอก้า”
ความต้องการสภาพดินฟ้าอากาศดินที่ปลูกสตรอเบอรี่ควรเป็นดินร่วนปนทราย ความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ในระหว่าง 5-7 ซึ่งเป็นดินที่สภาพเป็นกรดเล็กน้อยสตอเบอรี่ต้องการช่วงแสงต่ำกว่า 11 ชั่วโมง และอุณหภูมิหนาว-เย็น ในการติดดอกออกผล ถ้าอุณหภูมิยิ่งต่ำยิ่งทำการติดดอกออกผลดีขึ้น
การปลูกเพื่อต้องการผลควรปลูกในเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม โดยต้นอ่อนหรือไหลที่จะปลูกควรมีแขนไหลที่มีข้อติดด้วยการเตรียมแปลงปลูกทำนองเดียวกับแปลงปลูกผักคือ การปลูกต้องใช้ส่วนโคนของลำต้นการติดดอกออกผลเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง และช่วงแสงสั้นเข้าซึ่งประมาณเดือนพฤศจิกายน สตรอเบอรี่จะเริ่มติดดอกและผลจะสุกหลังจากติดดอก 21-25 วัน ผลสตรอเบอรี่ระยะแรกจะมีสีเขียว และค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม มีรสเปรี้ยวปนหวาน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5-3.5 ซม.ผลจะสุกมากที่สุดเดือนมีนาคม และจะหมดประมาณเดือนเมษายน - พฤษภาคมการเก็บเกี่ยวเนื่องจากผลสตรอเบอรี่ช้ำง่าย การเก็บเกี่ยวต้องคำนึงถึงระยะทางในการขนส่งสู่ตลาดถ้าระยะทางไกลต้องเก็บผลสุกหรือเห็นสีแดง 50% ซึ่งจะได้ผลแข็งสะดวกแก่การขนส่ง ถ้าระยะทางใกล้ควรเก็บผลสุกหรือสีแดง 75% เวลาที่เก็บ ควรเก็บตอนเช้า เมื่อเก็บแล้วไม่ควรให้ผลถูกแสงแดด ซึ่งจะทำให้ผลเน่าเร็วควรเก็บทุก 1-2 วันการบรรจุและขนส่งเนื่องจากผลสตรอเบอรี่บอบช้ำง่าย โดยเฉพาะถ้าเส้นทางคมนาคมไกลและไม่ดีเท่าที่ควร การบรรจุผลสตอเบอรี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ภาชะนะที่บรรจุจะต้องไม่มีส่วนที่แหลมคมซึ่งจะทำให้ผลเสียหาย การวางผลจะต้องวางไม่เกินสองชั้น ถ้าพบว่ามีผลเสียควรคัดออกทันทีเพื่อป้องกันผลข้างเคียงพลอยเน่าเสียหายไปด้วยในกรณีเส้นทางคมนาคมลำบากไม่สามารถขายผลสดจำเป็นต้องขายผลช้ำ ต้องตัดหัวขั้วและส่วนที่เน่า แล้วบรรจุในปี๊บที่ภายในรองด้วยถุงพลาสติก ถ้าระยะทางไกลจากตลาดมากหรือจำเป็นต้องเก็บผลสตรอเบอรี่ไว้ค้างคืนการใส่น้ำตาลเพื่อรักษาคุณภาพของผล โดยใช้น้ำตาล 4 กก. ต่อผลสตรอเบอรี่ 10 กก.การปฏิบัติหลังจากสตรอเบอรี่ให้ผลแล้วเมื่อถึงเดือนเมษายนต้นสตรอเบอรี่เริ่มหยุดให้ผล เนื่องจากอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นช่วงแสงเริ่มยาวขึ้น ต้นสตรอเบอรี่จะเริ่มเจริญเติบโตด้านลำต้น กสิกรในพื้นราบมักจะขุดต้นสตรอเบอรี่ทิ้งด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้.-
1. การดูแลรักษาต้นสตรอเบอรี่ข้ามปี ในสภาพที่อุณหภูมิสูงทำได้ยาก และเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลสูง เนื่องจากต้นสตรอเบอรี่ไม่ทนต่อสภาพอากาศที่ร้อน และสภาพอากาศที่อุณหภูมิสูงโรคของสตรอเบอรี่ระบาดง่าย
2. เพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินหลังจากปลูกสตรอเบอรี่หยุดให้ผล เช่น ปลูกผักหรือพืชไร่ซึ่งได้ผลตอบแทนสูงกว่า 3. การที่ทำลายต้นสตรอเบอรี่ เป็นการทำลายแหล่งเพาะเชื้อโรคของสตรอเบอรี่ได้ผลดี

มะละกอ...........สุดเริด




       เมื่อพูดถึง "มะละกอ" ผลไม้รูปทรงยาวรี "108 เคล็ดกิน" ก็มีอันต้องนึกไปถึงส้มตำก่อนทุกที คงเป็นเพราะเรามักจะได้เห็นมะละกอในรูปแบบของส้มตำจานเด็ดอยู่เสมอๆ แต่นอกจากส้มตำแล้ว มะละกอก็ยังเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ทางยาอีกมากมาย เช่น ใบมะละกอสดนำมาย่างไฟและนำมาประคบช่วยแก้อาการปวดบวมได้ ใบใช้ต้มกินเพื่อขับปัสสาวะ เมล็ดต้มกินเพื่อขับพยาธิ ขับประจำเดือน ยางมะละกอแก่พิษตะขาบกัดแมลงสัตว์กัดต่อย รวมไปถึงช่วยหมักเนื้อให้นุ่มได้อีกด้วย

แต่สิ่งที่เรามักใช้ประโยชน์กับมะละกอมากที่สุดก็คงจะเป็นผลมะละกอ ที่กินได้ทั้งสุกและดิบ ผลดิบก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง นอกจากส้มตำแล้วก็ยังนำไปต้มหรือนึ่งกินกับน้ำพริกชนิดต่างๆ จะนำไปผัดกับไข่ หรือจะแกงส้มมะละกอก็อร่อยไม่น้อย

ส่วนผลสุกนั้นต้องถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพได้เลยทีเดียว เพราะในผลสุกนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี 1 บี 2 แคลเซียม และที่สำคัญคือ สารเบต้าแคโรทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงและทำให้ผิวพรรณดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยชะลอความแก่ และริ้วรอยก่อนวัยอันควร แถมยังช่วยบำรุงอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย แก้กระหายน้ำ บำรุงโลหิต บำรุงระบบประสาท บำรุงสายตา และที่สำคัญ มะละกอสุกนั้นช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี แก้ท้องผูก ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วย

คำคมชีวิต

บางครั้งสิ่งเล็กๆ ในชีวิตอย่างคำพูดสักคำ คำคมที่ได้อ่านผ่านตา ก็ช่วยชีวิตให้อยู่ได้อย่างมั่นใจและมีความสุข ทางเว็บจึงรวบรวมคำชมที่น่าสนใจเป็นคำคมชีวิตให้เพื่อนๆ และ น้องๆ ได้อ่านกัน คำคมมีกันมาอย่างช้านาน บางคำคมได้ช่วยชีวิตคนให้ดีขึ้น บ้างคำคมก็เป็นเพียงคำพูดที่ทำให้ดูดีมีสไตล์ แต่อีกหลายคำคมเป็นคำที่ดี และ นำไปใช้ได้อย่างแท้จริง และเป็นคำคมที่มีคติสอนใจ ทำให้ชีวิตกว้างไกลขึ้น ลองอ่านดูนะครับ เผื่อมีคำไหน คมพอที่จะไปเลือกใช้ได้ตามกาล

* เกียรติยศย่อมเกิดจากการกระทำที่ สุจริต

* ถ้าคุณหัวเสีย คุณจะเสียหัว

* อย่าไล่สุนัขให้จนตรอก อย่าต้อนคนให้จนมุม

* อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คือ อำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย

* ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น

* เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"

* นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ

* ผู้ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น

* จริงคือลวง ลวงคือจริง ถ้าคุณคิดว่าข้าศึกมีทางเลือกเพียง 2 ทาง จงแน่ใจได้ว่าเขาจะเลือกทางที่ 3

* ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี

* มังกรถ้าไร้หัว หางก็ตีกันเอง ถ้าคานบนเอน คานล่างก็เบี้ยว ถ้าเสาเอกเฉียง เสาโทก็เฉ

* คนมองไม่เห็นการณ์ไกล ภัยก็จะมาถึงตัว คนไม่รู้จักตัดไฟ ภัยก็จะน่ากลัว

* ยามเรืองรุ่งพุ่งเปรี้ยง ดุจเสียงฟ้า แม้เทวายังสยบหลบทางให้ จะหยิบดาวเดือนชมก็สมใจ คงร้องให้วันหนึ่งแน่ คราวแพ้มี

* ไม้คดใช้ทำขอเหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย

* เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร
viewpoint_monsongklong_kuntan.jpg (5808 bytes)
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล, ลำปาง
 
เป็นเทือกเขากั้นเขตแดนระหว่างจังหวัดลำพูนที่อำเภอแม่ทาและจังหวัดลำปางที่อำเภอห้างฉัตรประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2518 มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 159,556 ไร่ มีอุโมงค์รถไฟยาวที่สุดในประเทศไทย เป็นระยะทาง 1,352 เมตร รถไฟใช้เวลาวิ่งผ่านประมาณ 5 นาที อุทยานแห่งนี้อยู่กึ่งกลางเส้นทางคมนาคมทางรถไฟ ระหว่างลำปาง-ลำพูน ดอยขุนตาลประกอบด้วย ป่าไม้หลายลักษณะ เช่น ป่าดงดิบ ป่าสน เป็นต้น มี 4 ยอดเขา จากเชิงดอยถึงยอดสูงสุดประมาณ 7 กม.
การเดินทางขึ้นไปบนดอยขุนตาล ไปได้ 2 ทางคือ ทางรถไฟ ลงที่สถานีขุนตาลแล้วเดินเท้าไปที่ทำการ อีกประมาณ 900 เมตร เป็นทางที่สะดวกที่สุด หรืออีกเส้นทางหนึ่งคือทางรถยนต์โดยเลี้ยวขวาตรง หลักกม.ที่ 47 (เส้นทางสายลำปาง-ลำพูน) เข้าไปตามทางลูกรังอีก 18 กม. ซึ่งสภาพถนนไม่ดีนัก บางช่วงก็ชันมากจึงควรใช้รถสภาพดี
 สถานที่ท่องเที่ยวท่องเที่ยวท่องเที่ยว
  
ท่องเที่ยว

สถานที่ท่องเที่ยวและที่พักบริเวณดอยขุนตาล
ย 1 ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการวนอุทยานฯ ราว 1,100 เมตร เมื่อเดินทางขึ้นไปถึง ย. 1 จะพบพลับพลาที่รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาประทับ 1 หลัง และที่พักของการรถไฟฯ 3 หลัง ติดต่อจองที่พักได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 225-6964
ย 2 ตั้งอยู่ห่างจาก ย. 1 ไปราว 800 เมตร เมื่อไปถึงจะเห็นสวนลิ้นจี่และต้นไม้เมืองหนาว เช่น ลูกแพร์ ลูกพลับและทุ่งสน แต่สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็คือ บ้านพักของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช แต่ไม่เปิดรับรองแก่นักท่องเที่ยวทั่วไป บริเวณ ย. 2 จะมีที่ทำการของอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล และมีเรือนพักรับรอง 6 หลัง ผู้สนใจติดต่อจองบ้านพักได้ที่ โทร. 579-0529 และ 579-4842
ย 3 อยู่ถัดจาก ย. 2 ขึ้นไปประมาณ 3,600 เมตร เป็นที่ตั้งของบ้านพักมิชชั่นนารี ลักษณะที่พักเป็น บ้านไม้หลังใหญ่ จำนวน 8 หลัง พร้อมด้วยอุปกรณ์ทำครัว เนื่องจากไม่มีร้านอาหารบริการ ต้องนำอาหาร ขึ้นไปเอง ติดต่อจองบ้านพักได้ที่ คณะกรรมการขุนตาล วิทยาลัยภาคพายัพ ตู้ ปณ. 161 เชียงใหม่ 50000 โทร. (053) 241255
ย 4 อยู่ถัดจาก ย. 3 ขึ้นไปอีกราว 1,500 เมตร เป็นยอดสูงที่สุดของดอยแห่งนี้ แม้ระยะจะไม่ไกลกันนักแต่เป็นช่วงที่ชันมาก เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางถึงบนยอด ย. 4 แล้ว สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้เป็นมุมกว้าง ส่วนมากมักนิยมไปเฝ้าชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ซึ่งมีความสวยงามน่าประทับใจ

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

ฝรั่ง.ประโยชน์มันมากแท้


ประโยชน์ของฝรั่งอุดมด้วยวิตามินซี

ประโยชน์ของฝรั่งอุดมด้วยวิตามินซี

บุรุษใดอยากมีรูปร่างหล่อ เหลา ผิวพรรณงดงาม ควรจะบริโภค ผลฝรั่งไว้เป็นประจำ

ที่ปรึกษาด้านโภชนาการของ "คลินิกหมออาหาร" นายเอียน มาร์บอร์ ของสหรัฐฯ เผยว่า ฝรั่งอุดมด้วยวิตามินซี อันเป็นสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ในการสังเคราะห์คอลลาเจนของร่างกาย ในฐานะโปรตีนสำคัญ ของโครงสร้างผิวหนังอย่างหนึ่ง

ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลัง ช่วยป้องกันรักษาผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระ

เขาบอกต่อไปว่า "ฝรั่งยังอุดมด้วยสาร โพลีฟีนอล สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในชาเขียวและไวน์แดง ป้องกันรักษาเซลล์จากอนุมูลอิสระ และรักษาบูรณภาพของเซลล์ ที่สำคัญมันจะช่วยชะลอร่องรอยของความแก่ชราของผิวหนัง โดยลบรอยเหี่ยวย่น และส่งเสริมความอวบอิ่มและทำให้ดูผิวงาม"

ผู้เชี่ยวชาญอีกผู้หนึ่ง เคต คุ้ก ผู้ก่อตั้งสถาบัน "ผู้ฝึกสอนด้านโภชนาการ" ยังแจ้งว่า สำหรับผู้ที่ต้องการลด น้ำหนัก เพราะเหตุฝรั่งเต็มไปด้วยกากใย จะทำให้อิ่มทน และกำจัดท้องร้องเพราะความหิว "กากใยจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ คงที่ ซึ่งเท่ากับช่วยปรับระดับการใช้อินซูลินของร่างกายให้พอดี ยิ่งกว่านั้น กากใยของมันยังจะช่วยล้างพิษโดยรวมทั้งสิ้น  เป็นผลให้จะมีผิวพรรณงาม".

Apple


แอ๊ปเปิ้ล APPLE

เป็นผลไม้ยอดนิยมชนิดหนึ่งของโลก ต้นแอ๊ปเปิ้ลสูงประมาณ 5-12 เมตร ผลมีเปลือกสีแดง ชมพู เขียว และเหลืองตามสายพันธุ์ เนื้อในเป็นเนื้อทรายละเอียดสีขาวนวล

คุณค่าโภชนาการ เมื่อกินโดยไม่ปอกเปลือก จะมีพลังงาน 80 แคลอรี วิตามินบี 6 เท่ากับ 0.1 มิลลิกรัม วิตามินซี 7.9 มิลลิกรัม เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม และโพแทสเซียม 158.7 มิลลิกรัม หากปอกเปลือกปริมาณสารสำคัญต่างๆ ก็จะลดลงไปจากที่กล่าวไว้

แอ๊ปเปิ้ลมีสารสำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ คือ
เพคติน มีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน นอกจากนั้นยังมีการกล่าวถึงสรรพคุณ บำรุงหัวใจ ลดคลอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส

บทความในวารสารการแพทย์สหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2470 ยกให้แอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้เหมาะสำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดเป็นกรด ไขข้อรูมาติก เกาต์ ดีซ่าน และอื่นๆ

แอ๊ปเปิ้ลยังช่วยควบคุมน้ำหนัก เพราะมีแป้งและน้ำตาลถึง 75% ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทั้งทำให้ไม่รู้สึกหงุดหงิดและอ่อนเพลียระหว่างรอเวลาอาหารมื้อใหญ่ แต่แอปเปิ้ลผลสดๆ เท่านั้นที่มีสรรพคุณนี้ การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไม่ทำให้หายหิว แต่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มด้วย
กินแอ๊ปเปิ้ลวันละ 2-3 ผลช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือด แต่จะได้ผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แอ๊ปเปิ้ลลดคลอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชาย

คณะวิจัยมหาวิทยาลัยพอลซาบาทิเอร์ เมืองตูลูส ฝรั่งเศส ทดลองในอาสาสมัครวัยกลางคนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย 30 คน โดยให้กินอาหารเหมือนเดิมทุกประการ แต่กินแอปเปิ้ลด้วยวันละ 3 ผล ทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน พบว่าอาสาสมัคร 24 คน มีปริมาณคลอเลสเตอรอลในเลือดลดลง บางคนลดมากกว่า 10% และเมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันแยกคลอเลสเตอรอลออกมาแล้ว เพคตินจะคอยดักจับคลอเลสเตอรอลเหล่านั้นนำไปทิ้งก่อนจะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกาย เป็นการขจัดคลอเรสเตอรอลออกไป

แอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ปกติเมื่อกินอาหารเข้าไป อาหารแต่ละชนิดจะย่อยสลายและดูดซึมผ่านผนังกระเพาะลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะเพิ่มช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอาหารนั้น เช่น ถ้ากินน้ำผึ้ง น้ำตาลในเลือดจะขึ้นฮวบฮาบทันที แต่สำหรับแอ๊ปเปิ้ล ถึงจะมีน้ำตาลธรรมชาติในเนื้อแอปเปิ้ลมาก แต่ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เท่านั้น และยังพบว่าคนที่กินอาหารที่มีไฟเบอร์มากๆ มีโอกาสเกิดเบาหวานต่ำกว่าคนที่กินน้อย และสำหรับคนที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย แอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูงมาก
มาทำความรู้จักกับประโยชน์ของแอ๊ปเปิ้ล โดยแบ่งตามสีดังนี้
1. แอ๊ปเปิ้ลแดง มีจุดเด่นที่ดีต่อสุขภาพคือมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมี
อิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วย

2. แอ๊ปเปิ้ลสีชมพู มีสารฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาแอ๊ปเปิ้ลด้วยกัน ซึ่งสารนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
3. แอ๊ปเปิ้ลสีเขียว มีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะการกิน
แอ๊ปเปิ้ลสีเขียวนอกจากจะได้รับน้ำตาลน้อยแล้ว ยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิว
แข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดี

4. แอ๊ปเปิ้ลสีเหลือง มีประโยชน์ต่างจากสีอื่นๆ โดยมีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก


กินอย่างไรให้สุขภาพผิวดี

พ.ญ.กานต์ ชนก พานิช กรรมการผู้จัดการ กานต์ชนกคลินิก ให้ความรู้ถึงการรักษาผิวสวยของสาวๆ ทุกวัย ที่เกี่ยวข้องกับการกินอาหาร โดยเน้นสารกลูต้าไธโอนเป็นพิเศษ เพราะสารตัวนี้เป็นโฮโมนชนิดหนึ่งที่ตับเป็นผู้สร้าง มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนต์) เซลล์ไม่ถูกทำลาย กลายเป็นเซลล์ที่แข็งแรง ส่งผลให้เซลล์ใต้ผิวหนังแข็งแรงตามไปด้วย ทำให้เม็ดสีลดลง ผิวจึงขาวขึ้น
แหล่งกลูต้าไธโอนมีอยู่ในสารสกัดจากธรรมชาติมากมาย ที่เด่นๆ คือ เปลือกสนฝรั่งเศส หากเป็นเปลือกสนสีส้มอ่อนจะมีคุณสมบัติในการแอนตี้ออกซิแดนต์ทำให้ขาวได้ เนื่องจากพืช ตระกูลเปลือกสนมีคุณสมบัติช่วยเปิดเส้นเลือดหัวใจ ช่วยทำลายพลักหรือคราบไขมันที่เกาะในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดไม่ยืดหยุ่น เกิดภาวะการอุดตัน เส้นเลือดตีบลง ทำให้ส่งผ่านเลือดไปสู่หัวใจได้น้อยลง
กลูต้าไธโอนในธรรมชาติมีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ในข้าวซ้อมมือของไทยเรานี่เอง กินข้าวซ้อมมือวันละ 3 มื้อ เราจะได้กลูต้าไธโอนธรรมชาติ ที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที นอกจากนี้ยังพบในผัก ผลไม้ อาทิ แตงโม สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น ผลอะโวคาโดสำหรับเนื้อสัตว์พบในปลา และเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ฯลฯ
You are what you eat” หรือ กินเช่นไรได้เช่นนั้น ยังคงเป็นประโยคที่หลายๆ คนเห็นด้วย หากรวมอาหารนี้ไว้ในมื้ออาหารที่เรารับประทาน ก็จะได้ผิวพรรณที่สวยสมบูรณ์แบบ
1. ส้ม อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสดูอ่อนวัย
2. มะนาว อุดมด้วยวิตามินซี ที่มีประโยชน์ ต่อผิว และยังช่วยทำความสะอาดตับซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างกายได้อีกด้วย
3. แครอต ให้คุณค่าเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ อาหารที่จำเป็นสำหรับผิว
4. กีวี ประกอบด้วยวิตามินซีที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างคอลลาเจน
5. อะโวคาโด อุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิว การกินอะโวคาโดวันละผล ให้วิตามินอีเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันได้
6. โยเกิร์ต ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ผิวพรรณสดใส ไม่หมองคล้ำ
7. เมล็ดถั่วต่างๆ
 อุดมด้วยโปรตีน สารอาหารที่จำเป็นสำหรับผิวสวย
8. งา อุดมด้วยวิตามินบี สังกะสี และโพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสอ่อนวัยอยู่เสมอ
9. ผักโขม อุดมด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งอมชมพูดูมีสุขภาพดี และ 10.ปลาอุดมไขมัน เช่น ปลาแซลมอน น้ำมันปลาช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น


ผู้หญิง กับการช็อปปิ้ง เป็นอะไรที่แยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ จะเห็นได้ว่าคุณสาวๆ จะมีความสุขจนลืมทุกอย่างไปเลยเมื่อได้ช็อปปิ้ง ยิ่งช่วงที่มีการลดราคากระหน่ำ หรือมิดไนต์เซลตาม ห้างสรรพสินค้าต่างๆ จนอาจลืมไปว่าร่างกายของเราจะต้องแบกรับน้ำหนักจากข้าวของที่พะรุงพะรังมาก มายแค่ไหน จนเป็นเหตุให้สาวนักช็อปหลายคนเกิดอาการเจ็บปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกายตามมา
นายแพทย์เกรียงไกร เบญจวงศ์เสถียร ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ปัญหาของสาวๆ ที่รักการช็อปปิ้งที่พบมากก็คือ
ปวดกล้ามเนื้อ เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ และ หลังทำงานหนัก เกิดการหดเกร็ง เนื่องจากต้องแบกหรือถือถุงหนักๆ
ปวดข้อมือ ชาตามปลายนิ้ว เนื่องจากการคล้องกระเป๋า หรือถุงต่างๆ บริเวณแขนและข้อมือ ทำให้เส้นประสาท ถูกกดทับ อาจเกิดอาการชาตามปลายนิ้วต่างๆ ได้ บางคนอาจปวดร้าวเหมือนถูกไฟชอร์ตวิ่งอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นมากอาจทำให้มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้ออุ้งมือได้
เอ็นอักเสบ โดยอาจเป็นที่เอ็นบริเวณข้อหัวไหล่ เอ็นบริเวณ ข้อศอก ปลอกหุ้มเอ็นบริเวณนิ้วอักเสบ และถ้าหิ้วถุงหนักมากๆ อาจทำให้ปลอกหุ้มเอ็นบริเวณนิ้วอักเสบ หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดพังผืด เกิดภาวะนิ้วล็อก (Trigger finger) แต่ถ้าใครรู้ตัวว่ายังไม่สามารถลด ละ เลิก การช็อปปิ้งได้ ก็ควรหาวิธีป้องกันอาการเจ็บปวดเหล่านี้ด้วยตัวเองง่ายๆ คือ
- หลีกเลี่ยงการใช้กระเป๋าใบใหญ่มาก เพราะจะยิ่งเผลอตัวใส่ของมากเกินไป น้ำหนักก็จะมากตามไปด้วย เปลี่ยนมาเป็นกระเป๋าขนาดที่เหมาะสมกับรูปร่างของตัวเองจะดีกว่า
- ใช้บริการฝากของหรือใช้รถเข็นของที่ห้างสรรพสินค้าก็เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ
- เลือกใส่รองเท้าสบายๆ ยามที่เดิน ช็อปปิ้ง
- บริหารข้อนิ้ว ข้อมือ ข้อศอก และไหล่ เพื่อป้องกันการเคล็ดหรือเอ็นอักเสบง่ายๆ เช่น ยืนชิดผนังแล้วใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ทาบและไต่ขึ้น – ลงบนผนัง 10 ครั้ง, หมุนข้อมือเป็นวงกลมซ้าย – ขวา 10 ครั้ง บริหารไหล่ หมุนแขนไปข้างหน้า – หลัง เป็นวงกลม ข้างละ 10 ครั้ง
- หากรู้สึกปวดกล้ามเนื้อมาก ใช้แผ่นประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดบวมใน 1 – 2 วันแรก หลังจากนั้นใช้แผ่นประคบร้อนพร้อมยืดกล้ามเนื้อเบาๆ หรือจะใช้ยานวด หรือรับประทานยาแก้ปวดบรรเทาด้วยก็ได้ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รักนะ



หนังสือรุ่นเล่มนี้.........ประทับใจมากจริงๆ

ถามใจ---โตโน่

วิเคราะห์"โรงแรมในประเทศไทย"

โรงแรมในประเทศไทยทุกวันนี้มีหลากหลายรูปแบบ สามารถให้เราเลือกใช้ได้ตามความสะดวก และความพึงพอใจ ทำให้ประเทศไทยของเรามีโรงแรมเพียงพอที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน